ไรอัน กราเฟนแบร์ก ดีพอหรือยังกับบทบาทหมายเลข 6 ลิเวอร์พูล
ไรอัน กราเฟนแบร์ก ก้าวจากตัวสำรองสู่กำลังสำคัญของ อาร์เน่อ สล็อต อย่างไรก็ตาม มันคงเปลี่ยนไปอีกหน้า หาก ลิเวอร์พูล คว้าตัว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มาครอบครองได้ ถึงตอนนี้ กราเฟนแบร์ก มีโอกาสพิสูจน์และทำผลงานให้สมกับที่ สล็อต ไว้วางใจ คำถามคือ 2 เกมที่ผ่านมา เด็กหนุ่มดัตช์ดีพอหรือยังกับบทบาทนี้ ?! มีคนรอเสียบ!แมนยู เล่นแบบนี้ เอริค เทน ฮาก จะรอดไหม แฟนหงส์รอเฮ! โรมาโน่ ยัน เคียซ่า กระสันซบ ลิเวอร์พูล ทางการ! ลิเวอร์พูล คว้า จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ จาก บาเลนเซีย ในเกมที่ ลิเวอร์พูล สร้างสถิติใหม่ในรอบ 20 ปีด้วยการผ่านบอลแม่นยำ 92 เปอร์เซ็นต์ กราเฟนแบร์ก คือคนที่มีอัตราด้านนั้นสำเร็จอยู่ที่ 72 ครั้ง อีกทั้งยังเล่นเกมรับได้ดีแบบน่าเซอร์ไพรส์ด้วยการเข้าปะทะสำเร็จ และชิงบอลกลับคืนมากสุดที่ตัวเลข […]
ไรอัน กราเฟนแบร์ก ก้าวจากตัวสำรองสู่กำลังสำคัญของ อาร์เน่อ สล็อต อย่างไรก็ตาม มันคงเปลี่ยนไปอีกหน้า หาก ลิเวอร์พูล คว้าตัว มาร์ติน ซูบีเมนดี้ มาครอบครองได้
ถึงตอนนี้ กราเฟนแบร์ก มีโอกาสพิสูจน์และทำผลงานให้สมกับที่ สล็อต ไว้วางใจ
คำถามคือ 2 เกมที่ผ่านมา เด็กหนุ่มดัตช์ดีพอหรือยังกับบทบาทนี้ ?!
ในเกมที่ ลิเวอร์พูล สร้างสถิติใหม่ในรอบ 20 ปีด้วยการผ่านบอลแม่นยำ 92 เปอร์เซ็นต์ กราเฟนแบร์ก คือคนที่มีอัตราด้านนั้นสำเร็จอยู่ที่ 72 ครั้ง
อีกทั้งยังเล่นเกมรับได้ดีแบบน่าเซอร์ไพรส์ด้วยการเข้าปะทะสำเร็จ และชิงบอลกลับคืนมากสุดที่ตัวเลข 3 กับ 9 ครั้งตามลำดับ
…
จังหวะขึ้นเกมที่น่าประทับใจสุดของ ลิเวอร์พูล คือตอนที่ กราเฟนแบร์ก ได้ครองบอล
เขาเล่นด้วยความนิ่ง และไม่เสียเวลาจับบอลมากเกินไป การแตะบอลนิดหน่อยแล้วออกบอลอย่างรวดเร็วคือสิ่งที่มีผลกระทบมากที่สุด
การเล่นตำแหน่งนี้ที่ต้องวางบอลเข้าไประหว่างแนวของคู่แข่งให้ได้นั้นเป็นตำแหน่งที่ กราเฟนแบร์ก สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากที่สุด
แม้ว่าบางช่วงเขาจะโดนคู่แข่งห้อมล้อมก็ตาม
กราเฟนแบร์ก ยังช่วยแก้สถานการณ์ให้เพื่อนร่วมทีมในเกมรับได้เช่นกัน รวมถึงสามารถหมุนตัวหนีแล้วเริ่มตั้งเกมบุกให้กับทีมได้
เขาหมุนสะโพกได้อย่างรวดเร็วเพื่อหนีจากคู่แข่งเหมือนจังหวะนี้ที่ทำได้ในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด
จังหวะนั้นแสดงให้เห็นว่าเขายืนอยู่ระหว่างแนวเพื่อรับบอลจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แล้วพอได้บอลมาเล่น เขาก็สามารถเลือกได้ว่าจะตัดสินใจผ่านบอลไปทางใดทางหนึ่งหรือพาบอลขึ้นไปเอง
ฤดูกาลนี้ กราเฟนแบร์ก ผ่านบอลไปทั้งหมด 122 ครั้ง มีแค่ ฟลินน์ ดาวน์ส ของ เซาธ์แฮมป์ตัน กับ เควิน เดอ บรอยน์ จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ผ่านบอลเยอะกว่า
บางคนอาจแย้งว่าหาก อเล็กซิส แม็ก อัลลิสเตอร์ ได้เล่นในบทบาทนี้ เขาก็อาจจะทำผลงานได้ดีพอ ๆ กัน
ถึงกระนั้นส่วนหนึ่งที่มีการจัดทีมแบบนี้ก็เพื่อที่จะทำให้ “แม็คก้า” มีอิสระมากขึ้นกับการเล่นในเกมรุก
สไตล์ของ กราเฟนแบร์ก ต่างไปจาก แม็ก อัลลิสเตอร์ ไม่มากก็จริง แต่เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างหนักในแบบเดียวกัน และเล่นได้ดีด้วยเท้าทั้ง 2 ข้าง เขาเป็นคนเริ่มเกมบุกหลายครั้งในช่วง 2 นัดแรก
กราเฟนแบร์ก ไม่ใช่จอมบีบกดดันคู่แข่งเหมือนอย่าง โรดรี้ แต่ อาร์เน่อ ยังเหลือเวลาให้แก้ปัญหาตรงนั้นอีกเยอะ
การที่เขาแย่งบอลได้ 9 ครั้ง ยังถือเป็นผลงานด้านนี้ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของนักเตะ ลิเวอร์พูล ทุกคนในฤดูกาลก่อนด้วย
แน่นอนว่าถือเป็นการเดินหน้าไปยังทิศทางที่ถูกต้อง
…
บททดสอบที่หนักขึ้นกำลังจะมาถึง และมีแค่ผลงานจากเกมเกมนั้นเท่านั้นที่ ลิเวอร์พูล จะได้รู้ว่า กราเฟนแบร์ก เหมาะกับการเป็นตัวจริงในตำแหน่งนี้ในระยะยาวหรือเปล่า
ฤดูกาลก่อน หมายเลข 6 ถือเป็นเรื่องน่ากังวลอยู่เสมอหลังจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ พลาดได้ตัว มอยเซส ไกเซโด้ กับ โรเมโอ ลาเวีย จนต้องไปเอา วาตารุ เอ็นโด มาแก้ปัญหาแบบระยะสั้น
การต้องขับเคี่ยวกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ในลีกโดยที่ไม่มีกองกลางตัวโฮลด์บอลถือเป็นงานหนักเกินไป
ฟอร์มช่วงต้นฤดูกาลนี้ของ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล แสดงให้เห็นว่าการมีนักเตะประเภทเบอร์ 6 ชั้นยอดที่กำลังท็อปฟอร์มอยู่นั้นมันมีความสำคัญมากแค่ไหน
แมนฯ ซิตี้ ใช้แผนแบบบีบกดดันสูงเพื่อตัดช่องทางการผ่านบอลของ เชลซี ในนัดแรก
ส่วนที่ วิลล่า พาร์ค อาร์เซน่อล บีบให้ แอสตัน วิลล่า มีพื้นที่ว่างสำหรับการขึ้นเกมแค่นิดเดียว
ซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เจอคู่แข่งที่อันตรายแบบเดียวกับ 2 ทีมดังกล่าว ดังนั้น แม้ช่วงที่ผ่านมา กราเฟนแบร์ก จะทำผลงานได้ดี แต่เขาก็จำเป็นต้องเล่นในตำแหน่งนี้ให้นานกว่านี้ก่อนถึงจะสามารถตัดสินผลงานของเขาอย่างเหมาะสมได้
ความฉลาดด้านการแก้เกมระหว่างเกมของ อาร์เน่อ จะมีประโยชน์อย่างมาก เขาแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองมองเห็นถึงปัญหาได้อย่างรวดเร็วและหาทางแก้ได้ทันควัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือตอนเรียก อิบราฮิม่า โกนาเต้ จากมานั่งสำรองลงไปแทน จาเรลล์ ควอนซาห์ ในช่วงพักครึ่งของเกมกับ อิปสวิช เพราะ ควอนซา แพ้การดวล(Duel) เยอะไป
การเปลี่ยนตำแหน่งครั้งใหญ่ของ กราเฟนแบร์ก ระหว่าง 2 เกมแรกก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ ลิเวอร์พูล ได้เล่นลูกเตะมุม
เกมกับ อิปสวิช กราเฟนแบร์ก ถูกสั่งให้ไปยืนบังผู้รักษาประตู เขาจะทำแบบนั้นทุกครั้งที่ทีมได้เล่นลูกเซตพีซ นั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ไม่เสียเปรียบเรื่องจำนวนตัวผู้เล่นมากนักเวลาที่ อิปสวิช ใช้เกมสวนกลับเร็ว
ซึ่ง “ม้าขาว” ถนัดการใช้แผนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพวกเขาได้เล่นบอลก่อนถึง 5 จาก 9 ครั้งที่มีการเล่นลูกเตะมุมแล้วจะเห็นเลยว่า กราเฟนแบร์ก แทบจะยืนซ้อนกับ คริสเตียน วอลตัน ผู้รักษาประตู อิปสวิช
ต่อมาเป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมข้างต้น เขามีปัญหานิดหน่อยช่วงถอยกลับไปเล่นเกมรับในตอนที่ อิปสวิช ใช้เกมสวนกลับเร็ว
แต่เกมกับ เบรนท์ฟอร์ด เขาดูต่างออกไป
จุดยืนของ กราเฟนแบร์ก ตอนที่ทีมได้เล่นลูกเตะมุมครั้งแรก คือยืนลึกสุด
เขายืนต่ำกว่า แม็ก อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล ด้วยซ้ำ โดยเขายืนในตำแหน่งที่ดีเพื่อรับมือกับเกมสวนกลับเร็ว
ตอนที่ เบรนท์ฟอร์ด เคลียร์ลูกเตะมุมได้นั้น คุณจะเห็นเลยว่า กราเฟนแบร์ก อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเดิมเพื่อที่จะช่วยเกมรับ
มันเป็นการเปลี่ยนครั้งสำคัญ และเป็นอีกหนึ่งจุดที่แสดงให้เห็นว่า กราเฟนแบร์ก กำลังพัฒนาได้ดีแค่ไหนในช่วงต้น ๆ ของยุค อาร์เน่อ
แม้ว่าจะเป็นช่วงลองผิดลองถูกนิด ๆ ก็ตาม
สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://ufadiamond.ibetauto.com/ufadiamond/ufabet/register
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29